วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559
ใบความรู้ที่ 3 ความรู้เรื่อง พรบ.คอมพิวเตอร์
ที่มา: depot.engrdept.com
นิทานสั้นๆ เกี่ยวกับ พรบ.
|
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใดๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใดๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://arit.mcru.ac.th/laws/
ใบความรู้ที่ 4 คลังข้อสอบ GAT PAT
cr.รูปจาก 'เครียด เด็กแอด 57'
ความรู้เล็กๆ เกี่ยวกับ GAT PAT
GAT เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป (General Aptitude Test) คือ การวัดศักยภาพในการเรียนใน มหาวิทยาลัยให้ประสบความสำเร็จ มี 2 ส่วน คือ
- ส่วนที่ 1 คือ ความสามารถในการอ่าน/การเขียน/การคิดเชิงวิเคราะห์/และการแก้โจทย์ปัญหา
- ส่วนที่ 2 คือ ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
PAT เป็นการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (Professional and Academic Aptitude Test) คือ การวัดความรู้ที่เป็นพื้นฐาน กับศักยภาพที่จะเรียนในวิชาชีพนั้น ๆ ให้ประสบความสำเร็จมี 7 วิชา คือ
- PAT 1 คือ ความถนัดทางคณิตศาสตร์
- PAT 2 คือ ความถนัดทางวิทยาศาสตร์
- PAT 3 คือ ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์
- PAT 4 คือ ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์
- PAT 5 คือ ความถนัดทางวิชาชีพครู
- PAT 6 คือ ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์
- PAT 7 คือ ความถนัดทางภาษาต่างประเทศ ประกอบด้วย
- PAT 7.1 ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส
- PAT 7.2 ความถนัดทางภาษาเยอรมัน
- PAT 7.3 ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น
- PAT 7.4 ความถนัดทางภาษาจีน
- PAT 7.5 ความถนัดทางภาษาอาหรับ
- PAT 7.6 ความถนัดทางภาษาบาลี
คลังข้อสอบ GAT PAT
ความถนัดทั่วไป มี.ค. 52
ความถนัดตอนที่2 มี.ค. 52
ความถนัดทั่วไปครั้งที่2 ตอนที่1 ก.ค.52
ความถนัดครั้งที่2 ตอนที่2 ก.ค.52
ความถนัดทางคณิตศาสตร์ PAT1 ก.ค.52
ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ PAT 2 ก.ค. 52
ความถนัดทางวิศวกรรม PAT 3 ก.ค. 52
ความถนัดทางสถาปัตยกรรม PAT 4 ก.ค. 52
ความถนัดวิชาชีพครู PAT 5
ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ PAT 6
ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส PAT 7.1
ความถนัทางภาษาเยอรมัน PAT 7.2
ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น PAT 7.3
ความถนัดทั่วไป มี.ค. 52
ความถนัดตอนที่2 มี.ค. 52
ความถนัดทั่วไปครั้งที่2 ตอนที่1 ก.ค.52
ความถนัดครั้งที่2 ตอนที่2 ก.ค.52
ความถนัดทางคณิตศาสตร์ PAT1 ก.ค.52
ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ PAT 2 ก.ค. 52
ความถนัดทางวิศวกรรม PAT 3 ก.ค. 52
ความถนัดทางสถาปัตยกรรม PAT 4 ก.ค. 52
ความถนัดวิชาชีพครู PAT 5
ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ PAT 6
ความถนัดทางภาษาฝรั่งเศส PAT 7.1
ความถนัทางภาษาเยอรมัน PAT 7.2
ความถนัดทางภาษาญี่ปุ่น PAT 7.3

ใบความรู้ที่ 5 บทความสารคดีที่นำมาใช้สำหรับการเขียนโครงร่าง
ไส้เดือนเพื่อนกู้โลก
cr: http://i836.photobucket.com/albums/zz289/palbum2/pcobra2/ani-we-p-4.jpg
ไส้เดือนดิน ( earthworm) มีลักษณะลำตัวเป็นข้อปล้อง พบได้ทั่วไปในดิน ใต้กองใบไม้ หรือใต้มูลสัตว์เป็นสัตว์ที่มี 2 เพศในตัวเดียวกัน มีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ

ปัจจุบันพบทั่วโลกประมาณ 4,400 ชนิด โดยแบ่งออกได้ตามลักษณะแหล่งที่อยู่อาศัย
- กลุ่มอาศัยอยู่บริเวณหน้าดิน
- กลุ่มอาศัยในดินชั้นบน ที่มีความลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- กลุ่มอาศัยในดินชั้นล่าง ที่มีความลึกประมาณ 2-3 เมตร
ไส้เดือนเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศ เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการย่อยอินทรียสารในดิน และการเคลื่อนที่ในดินของไส้เดือน ถือเป็นการพรวนดิน ทำให้ดินมีช่องว่างที่จะเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่ดิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการปลูกพืช อีกทั้งยังใช้ในการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพจากไส้เดือนอีกด้วย และนอกจากนี้แล้ว ไส้เดือนยังเป็นที่นิยมอย่างยาวนาน ใช้เป็นเหยื่อสำหรับตกปลา
ปัจจุบัน มีการเพาะเลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพ และมีการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับไส้เดือนให้มากและกว้างขึ้น
ไส้เดือนชนิดที่มีความยาวที่สุดในโลกตามบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ คือ ไส้เดือนยักษ์แอฟริกา จัดเป็นไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในดินที่ลึก มีความยาวสูงสุด 6.7 เมตร


http://www.dhammajak.net/board/files/story1a_104.gif
บทบาทด้านที่เป็นประโยชน์ของ ไส้เดือนดิน
บทบาท ของไส้เดือนดินจะ ถูกมองว่ามีประโยชน์มากกว่า มีโทษต่อมนุษย์ โดยเฉพาะไส้เดือนดินจะมีส่วนช่วยทำให้โครงสร้างของดินดีขึ้น โดยการชอนไชทำให้ดินร่วนซุย ทำให้การระบายน้ำและอากาศไปสู่ดินได้ดีขึ้น ไส้เดือนดินสามารถชอนไชลงใต้ดินได้ลึกกว่า 20 เมตร ซึ่งเป็นการไถพรวนทางธรรมชาติ ที่เครื่องกลทางการเกษตรไม่สามารถทำได้ และยังช่วยให้ดินอุดมสมบูรณ์โดยการช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุและธาตุอาหารแก่ดิน นอกจากนี้ยังพบว่าไส้เดือนดินมีประโยชน์ต่อพืชในการช่วยกระตุ้นการเจริญเติบ โตของพืชด้วย สามารถบอกถึงการปนเปื้อนสารเคมีในดิน ด้วยการดูจำนวนของไส้เดือนในดิน ถึงปริมาณความหนาแน่นของประชากรไส้เดือน
http://images.gofreedownload.net/funny-chick-eating-earthworm-cartoon-15922.jpg
แนวทางการนำไส้เดือนดินมาใช้ประโยชน์



1) นำมาย่อยสลายขยะอินทรีย์และเศษอาหารจากบ้านเรือนเพื่อผลิต ปุ๋ยหมักมูล ไส้เดือนดิน นำมาใช้ในการ เกษตรลด ต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมี
2) นำมาใช้เลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีปริมาณเปอร์เซ็นต์โปรตีนที่สูงมากช่วยลดค่าใช้จ่ายในค่า อาหารสัตว์
3) ใช้ฟื้นฟูสภาพดินที่ เสื่อมโทรมเช่นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และเหมืองแร่เก่า
4) ใช้เป็นดัชนีทางสิ่งแวดล้อมในการตรวจสอบธาตุโลหะหนักและ สารเคมีที่ปนเปื้อน จากการเกษตรในดิน
5) ใช้เป็นอาหาร ยาบำบัดโรค ยาบำรุงทางเพศ หรือ ใช้เป็นวัตถุดิบในวงการเภสัชกรรม และเครื่องสำอาง
6) ใช้ เป็นดัชนีทางสิ่งแวดล้อมในการตรวจสอบธาตุโลหะหนัก และการปนเปื้อนของสารเคมีทางการเกษตรในดิน
ปุ๋ยมูลไส้เดือน คืออะไร
มูลไส้เดือนดิน ไม่ใช่แค่เป็นเพียงแต่ทางเลือกในการช่วยปรับปรุงดินตามธรรมชาติ มันจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยซากพืช เป็นผลผลิตจากการย่อยของการกินแล้วย่อยของไส้เดือนดิน จะช่วยให้เิกิดสารอาหารและชีวิตของจุลินทรีย์ ที่มีการเจริญเติบโตตามธรรมชาติ มันเป็นเครื่องจักรชนิดหนึ่งของธรรมชาติ ที่ทำให้ดินเกิดความสมบูรณ์มากที่สุด; มันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ; ใช้งานง่ายและมีความปลอดภัย ไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ทำให้เกิดความพึงพอใจ
ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
ปุ๋ย หมักมูลไส้เดือนดิน (Vermicompost) หมายถึง เศษซากอินทรีย์วัตถุต่างๆ รวมทั้งดินและจุลินทรีย์ที่ไส้เดือนดินกินเข้าไปแล้วผ่านกระบวนการย่อยสลาย อินทรียวัตถุเหล่านั้นภายในลำไส้ของไส้เดือนดิน แล้วจึงขับถ่ายเป็นมูลออกมาทางรูทวาร ซึ่งมูลที่ได้จะมีลักษณะเป็นเม็ดสีดำ มีธาตุอาหารพืชอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ในปริมาณที่สูงและมี จุลินทรีย์จำนวนมาก ซึ้งในกระบวนการผลิตปุ๋ยหมักโดยใช้ไส้เดือนดินขยะอินทรีย์ที่ไส้เดือนดินกิน เข้าไป และผ่านการย่อยสลายในลำไส้แล้วขับถ่ายออกมา มูลไส้เดือนดินที่ได้เรียกว่า “ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน”
คุณสมบัติของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
ลักษณะ โครงสร้างทางกายภาพของปุ๋ยหมักไส้เดือนดินมีลักษณะเป็นเม็ดร่วนละเอียด มีสีดำออกน้ำตาล โปร่งเบา มีความพรุนระบายน้ำและอากาศได้ดีมาก มีความจุความชื้นสูงและมีประมาณอินทรียวัตถุสูงมาก ซึ่งผลจากการย่อยสลายขยะอินทรีย์ที่ไส้เดือนดินดูดกินเข้าไปภายในลำไส้ และด้วยกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้และน้ำย่อยของไส้เดือนดินจะช่วย ให้ธาตุอาหารหลายๆ ชนิดที่อยู่ในเศษอินทรียวัตถุเหล่านั้นถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถ นำไปใช้ได้ เช่น เปลี่ยนไนโตรเจน ให้อยู่ในรูป ไนเตรท หรือ แอมโมเนีย ฟอสฟอรัสในรูปที่เป็นประโยชน์ โพแทสเซียมในรูปที่แลกเปลี่ยนได้ และนอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของธาตุอาหารพืชชนิดอื่นและจุลินทรีย์หลายชนิด ที่เป็นประโยชน์ต่อดิน รวมทั้งสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชหลายชนิดที่เกิดจากกิจกรรมของ จุลินทรีย์ในลำไส้ของไส้เดือนดินอีกด้วย
การใช้ปุ๋ยหมักมูล ไส้เดือน ดินและน้ำหมักมูลไส้เดือนดินในการปลูกพืชจะส่งผลให้ดินมีโครงสร้างดีขึ้น คือทำให้ดินกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น มีความโปร่งร่วนซุย รากพืชสามารถชอนไชและแพร่กระจายได้กว้าง ดินมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้จุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์บริเวณรากพืชสามารถสร้างเอนโซม์ที่เป็น ประโยชน์ต่อพืชได้เพิ่มชึ้น นอกจากนี้จุลินทรีย์ดินที่ปนออกมากับมูลของไส้เดือนดินยังสามารถสร้างเอ็น ไซม์ฟอสฟาเตสได้อีกด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มประมาณฟอสฟอรัสในดินให้สูงขึ้นได้
ประโยชน์และความสำคัญของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
1.ส่งเสริมการเกิดเม็ดดิน
2.เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุแก่ดิน
3.เพิ่มช่องว่างในดินให้การระบายน้ำและอากาศดียิ่งขึ้น
4.ส่งเสริมความพรุนของผิวหน้าดิน ลดการจับตัวเป็นแผ่นแข็งของหน้าดิน
5.ช่วยให้ระบบรากพืชสามารถแดร่กระจายตัวในดินได้กว้าง
6.เพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับน้ำในดิน ทำให้ดินชุ่มขึ้น
7.เพิ่มธาตุอาหารพืชให้แก่ดินโดยตรงและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์และจุลินทรีย์ดิน
8.เพิ่มศักยภาพการแลกเปลี่ยนประจุบวกของดิน
9.ช่วยลดความเป็นพิษของธาตุอาหารพืชบางชนิดที่มีปริมาณมาเกินไป เช่น อลูมินัม และแมงกานีส
10.ช่วย เพิ่มความต้านทานในการเปลี่ยนแปลงระดับความเป็นกรด-เบส (Buffer capacity) ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่เร็วเกินไปจนเป็นอันตรายต่อพืช
ข้อดีของวัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน
ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินสามารถช่วยเก็บความชื้นและปลดปล่อยออกมาให้พืชอย่างช้าๆ เมื่อพืชต้องการยืดระยะเวลาการให้น้ำแก่พืชได้นานขึ้น
กรณีใช้ผสมดินที่เป็นดินเหนียวจะช่วยเพิ่มอากาศในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และช่วยในการถ่ายเทน้ำและอากาศได้สะดวก
กรณีผสมดินที่เป็นดินทรายจะช่วยเพิ่มเนื้อดิน ช่วยให้ดินเก็บรักษาความชื้น และธาตุอาหารในดิน ลดการชะล้างธาตุอาหารของน้ำ
ลดปัญหาการสลายตัวของธาตุอาหาร เป็นตัวปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างช้าๆ ทำให้ประหยัดปุ๋ย
ปกป้องดินไม่ให้มีสภาพโครงร้างแน่นเข็งและช่วยเติมอินทรียวัตถุในเนื้อดิน ช่วยให้ดินร่วนซุย รากพืชสามารถแพร่ขยายได้กว้าง
ปุ๋ย หมักมูลไส้เดือนดินจะมีสาวนประกอบของกรดฮิวมิคซึ่งเป็นตัวกักเก็บธาตุอาหาร ที่จำเป็นต่อพืชหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) เหล็ก (Fe) และทองแดง (Cu) ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในโมเลกุลของกรดฮิวมิค อยู่ในรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อพืชต้องการ

คุณรู้ไหมว่า “ไส้เดือนดิน” มีหัวใจถึง 5 หัวใจ..!!
คุณรู้ไหมว่า “ไส้เดือนดิน” สามารถกิน ½ ของน้ำหนักตัวมันในแต่ละวัน!
คุณรู้ไหมว่า “ไส้เดือนดิน” สามารถมีชีวิตอยู่ถึง 10 ปี..!!
คุณรู้ไหมว่า “ไส้เดือนดิน” สามารถกิน ½ ของน้ำหนักตัวมันในแต่ละวัน!
คุณรู้ไหมว่า “ไส้เดือนดิน” สามารถมีชีวิตอยู่ถึง 10 ปี..!!
Bedding บ้านไส้เดือน ปุ๋ยมูลไส้เดือน วิธีการทำ bedding
Bedding อ่านดูก็น่าจะหมายถึงเตียงนอน หรือหมายถึงการนอน ถ้าสำหรับเราๆ Bedding ก็เปรียบเสมือน My home หรือบ้านที่อบอุ่นนั่นเอง แต่ถ้าสำหรับเจ้าไส้เดือน AF นั้น Bedding เปรียบเสมือนเป็นบ้านที่อบอุ่นของเจ้าไส้เดือนนั่นเอง
Bedding หรือ บ้านไส้เดือน ทำมาจากมูลวัวนม หรือมูลควายธรรมดาตามท้องไร่ท้องนา หรืออาจจะเป็นมูลหมูก็ได้ตามสะดวก เพราะเจ้าไส้เดือน AF เป็นไส้เดือนพันธุ์ที่อยู่ได้ในมูลของสัตว์ตระกูลกีบ ทุกชนิด
การเตรียมบ้านไส้เดือน ก็ง่ายไม่มีขั้นตอนซับซ้อน เพียงแค่นำมูลวัวนมแช่ในน้ำ ผ่านไปสัก 7 วัน ก็วิดน้ำใสๆ ทิ้ง ที่บ้านเรามีต้นกล้วยเยอะ จึงได้ตัดใบกล้วยใส่ลงไป แล้วหมักเป็นอาหารของ
ไส้เดือนไปด้วยเลย
วิธีการทำบ้านไส้เดือน หรือ Bedding นี้ ไม่ได้ใช้สำหรับการอยู่อาศัยซุกตัวนอนของไส้เดือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ Bedding ยังเป็นอาหารของไส้เดือนอีกด้วย
หรือพูดง่ายๆคือ ไส้เดือนมันกิน Bedding ของตัวเอง ในการกินนี้ กว่าไส้เดือนกินมูลวัว(Bedding)จนหมด ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งมูลวัวที่ไส้เดือนกินเข้าไปนั้น จะถูกเปลี่ยนสภาพเมื่อถูกกิน และขับออกมาเป็นมูล ซึ่งก็คือปุ๋ยมูลไส้เดือนนั่นเอง ทั้งตัวไส้เดือนและมูลไส้เดือนจะยังคงปนๆกันอยู่ จึงถึงเวลาที่เราต้องร่อนเอาตัวไส้เดือนออกจากมูลไส้เดือน หรือการร่อนมูลไส้เดือนนั่นเอง แล้วเปลี่ยน Bedding ใหม่ให้ เจ้าไส้เดือนก็จะมีบ้านใหม่ที่อบอุ่นสบายเนื้อสบายตัวทุก 2 เดือน (มูลไส้เดือนที่ร่อนได้ก็จะนำไปเป็นปุ๋ยนำมาใส่ต้นข้าว) เป็นวงจรชีวิตที่เรียบง่ายอย่างนี้ไปถึง 4-5 ปี จึงจะสิ้นอายุเจ้าไส้เดือน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก





https://teetatfarm.wordpress.com/knowledge/
https://th.wikipedia.org/wiki/ไส้เดือนดิน
http://ricehousestory.blogspot.com/2015/10/bedding-bedding.html
วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 2 ความรู้เรื่อง Blog
http://egrassrootsbusiness.com/blog/
Blog คืออะไร!!!
Blog ก็คือ Website ชนิดหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาหรือ Entry จะถูกเขียนตามลำดับเวลา และแสดงผลย้อนกลับตามลำดับวันเดือนปี
CR.https://www.youtube.com/watch?v=NjwUHXoi8lM
ประโยชน์ของ web blog
Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้ว่า blog จะมีลักษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน บาง blog เกาะติดข่าว บาง blog คุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดังนี้
1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง
2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ
4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น
5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้
6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com
7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว - สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง
ข้อเสีย
- ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สำเร็จรูป
- แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว
- เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทำผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส
- ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ)
Cr : http://socialmedia.biz/2013/05/06/blogger-outreach-is-more-pr-than-social-media/
ประเภทจำแนกได้คร่าวๆ ดังนี้
1. บล็อกเกอร์อิสระ นักเขียนบล็อกประเภทนี้จะเขียนบล็อกของตัวเอง โดยจำกัดบล็อกของตัวเองไว้ว่าเป็นบล็อกส่วนตัว สำหรับเขียนเรื่องราวส่วนตัว หรือความคิดส่วนตัว โดยไม่ได้นำเสนอบล็อกของตัวเองเพื่อการอย่างอื่น นอกจากการชมเพื่อความบันเทิง, ความสนุกในหมู่เพื่อนฝูง
2. บล็อกเกอร์แนวธุรกิจ => รับทำบล๊อกเกอร์
นักเขียนบล็อกกลุ่มนี้ มักจะเขียนเนื้อหาของ blog ที่เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน คือใช้ blog เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดนั่นเอง
3. บล็อกเกอร์แบบองค์กร บล็อกเกอร์กลุ่มนี้ จะใช้ blog เพื่อเป็นการสื่อสารภายใน ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กร เช่นภายในบริษัท หรือใช้สื่อสารภายในทีมฟุตบอล หรือสโมสรต่างๆ
2. บล็อกเกอร์แนวธุรกิจ => รับทำบล๊อกเกอร์
นักเขียนบล็อกกลุ่มนี้ มักจะเขียนเนื้อหาของ blog ที่เป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน คือใช้ blog เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดนั่นเอง
3. บล็อกเกอร์แบบองค์กร บล็อกเกอร์กลุ่มนี้ จะใช้ blog เพื่อเป็นการสื่อสารภายใน ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กร เช่นภายในบริษัท หรือใช้สื่อสารภายในทีมฟุตบอล หรือสโมสรต่างๆ
4. บล็อกเกอร์มืออาชีพ บล็อกเกอร์ที่เขียนบล็อกอย่างเดียว โดยมีรายได้จากบล็อกเพื่อยังชีพ บางคนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน ให้เขียนบล็อกอย่างเดียว บางคนเขียนบล็อกของตัวเอง โดยได้รับค่าโฆษณาต่างๆ จากผู้สนับสนุน กลุ่มนี้อาจเป็นบริษัทที่เขียนบล็อกโดยเฉพาะ ที่เห็นชัดเจนก็คือ blogger ชาวต่างประเทศ เพราะเขียนให้คนอ่านมากๆ แล้วใช้โฆษณาของ Google Adsense มาติดไว้ บางคนมีก็รายได้จากการเป็น presenter ให้สินค้าต่างๆ
Webblog ทำอะไรได้บ้าง
- ทำเป็นเว็บไซต์ส่วนตัว
- ไม่ค่อยเกิดปัญหาเรื่องเว็บล่ม
- เขียนเรื่องราวต่าง ๆ และแบ่งปันให้กับผู้อื่น
- หารายได้กับ google เช่น การเขียนบทความ และนำโฆษณาของ google มาติดลง webblog ของตนเอง
- ทำธุรกิจที่เรียกว่า E-commerce ก็พอจะใช้ได้อยู่บ้างครับ
การสร้าง Blog พื้นฐาน
CR.https://www.youtube.com/watch?v=6_cwdxLbTSk
รูปแบบการเขียน Blog
- Personal เป็นการเขียน Blog แบบเล่าเรื่องส่วนตัว บรรยายถึงความรู้สึกนึกคิด หรือเรื่องในชีวิตประจำวันที่ได้พบเห็นของบุคคลนั้นๆ เล่าเรื่องราวข่าวสารต่างๆ ที่ตัวเองประสบพบเห็น หรือมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ หรือบางครั้งเรียกรูปแบบนี้ว่า การเขียนแบบ Diary ก็ได้ ตัวอย่าง เช่น Blog www.Storythai.com
- Topical เป็นการเขียน Blog โดยมีหัวข้อหรือจุดมุ่งหมายในการเขียนที่ชัดเจน อาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบหรือมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ โดยตรง เช่น กีฬาบาสเกตบอล กีฬาฟุตบอล กอล์ฟ เกี่ยวกับเพลงที่ชื่นชอบ วิจารณ์ภาพยนตร์ เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ หรือ เรื่อง Blog เป็นต้น ซึ่งการเขียนลักษณะนี้จะอิงจากหัวข้อเป็นหลัก จะเล่าเรื่องนอกเหนือจากหัวข้อไม่มากนัก เช่น http://vinman.blogrevo.com
- Collaborative เป็นการเขียน Blog แบบเป็นทีม ช่วยกันเขียน ช่วยกันปรับปรุง ซึ่งภายใน Blog อาจจะมีเรื่องราวหลากหลาย ซึ่งอาจเขียนโดยผู้เขียนคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ โดยแต่ละคนจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของ Account ให้ทำการเขียนบทความหรือรับผิดชอบเฉพาะส่วนไป ตัวอย่างเช่น http://gotoknow.org
- Corporate เป็นการเขียน Blog เชิงธุรกิจ โดยบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงหน่วยงานของตน หรือเป็นตัวเสริมในการบรรยายให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตัวอย่างขององค์กร มี corporate blog ได้แก่ Sun Microsystems, IBM, HP, Microsoft, Yahoo และ Google
Blog ขององค์กร โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ Internal blog และ External blog
- Internal blog เป็นบล็อกภายในที่ถูกจัดให้มีขึ้นเพื่อบุคลากรขององค์กร และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเครือข่ายขององค์กรเท่านั้น
- ส่วน External blog เป็นบล็อกที่อนุญาตให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบุคลากรสามารถเข้าถึงได้ เช่น ลูกค้าองค์กร เป็นต้น
- Specialty เป็นการเขียน Blog แบบพิเศษนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ยกตัวอย่าง เช่น Blog ที่เขียนขึ้นเพื่อประชามสัมพันธ์โครงการซึ่งจัดขึ้นในกรณีพิเศษ การประกาศรับบริจาค การประกวดแข่งขันต่างๆ เป็นต้น
http://2talkbig.blogspot.com/2007/05/blog_30.html
เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับ Blog
CR.https://www.youtube.com/watch?v=wy2mQDVslAA
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)